ทำไมยอดขายตก ?
เศรษฐกิจไม่ดี?
หลายคนโทษว่าเพราะเศรษฐกิจ แต่สิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณาคือ ในธุรกิจเดียวกันของคนอื่นตกไหม ?
ถ้าคนอื่นไม่ตก แต่คุณตกแสดงว่าคุณต้องทำอะไรที่ผิดไป ต้องมีอะไรที่คนอื่นปรับแต่คุณไม่ได้ปรับ ต้องมีอะไรที่คนอื่นเปลี่ยน แต่คุณไม่ได้เปลี่ยน สิ่งที่คุณต้องวิเคราะห์และควรทำคือ
กรณีที่คู่แข่งยอดไม่ตก เราแนะนำว่า การหันกลับมาทบทวนธุรกิจตัวเองใหม่ก็นับว่าคุณได้มองเห็นถึงปัญหาในธุรกิจคุณ และถึงเวลาปรับตัว…ซะที
เริ่มที่….
1.ลิสต์รายชื่อคู่แข่งของคุณ 3-5 ชื่อ และลองดูว่าช่วงเวลา 3-6 เดือน ถึง 1 ปี
เค้ามีการปรับอะไรบ้างในธุรกิจในขณะที่คุณไม่ได้ทำอะไรเลย
2.หาว่าคู่แข่งทำอะไรบ้าง โดยที่คุณไม่ได้ทำ
เช่น เค้าอัดโปรโมชั่น แข่งกันลดราคา หรือมีการให้บริการลูกค้าแบบใหม่ๆ หาจุดเด่นให้ธุรกิจตัวเอง
3.หาว่าสิ่งที่คู่แข่งมีคุณมีหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งพื้นฐาน เช่น
- เว็บไซต์ คู่แข่งมี คุณมีไหม
- เฟซบุ๊กเพจ คู่แข่งมี คุณมีไหม
- ไลน์แอด คู่แข่งมี คุณมีไหม
- IG คู่แข่งมี คุณมีไหม
- You tube คู่แข่งมี คุณมีไหม
และถ้าคุณยังไม่มี ถึงเวลาที่คุณจะต้องมี กลับกันถ้าคู่แข่งมี และคุณก็มี
คุณต้องมาดูว่าของใครดีกว่ากัน ดีในที่นี้ เช่น
> ถ้าเป็นเว็บไซต์
- ของใครน่าเชื่อถือกว่ากัน
- ของใครใช้งานง่ายกว่ากัน
- ใครดูแล้วสบายตากว่ากัน
ถ้าคุณยังด้อยกว่าคุณต้องปรับให้เว็บไซต์คุณทันสมัยขึ้น โมเดิร์นขึ้น เพราะเว็บไซต์คือหน้าตาของเราบนโลกออนไลน์
> ถ้าเป็นเฟซบุ๊ก ให้คุณลองสังเกตดูว่า…
- คู่แข่งโพสต์อะไร แล้วคุณโพสต์อะไร
- คู่แข่งมีคนมาไลค์ มาคอมเมนต์ไหม มาแชร์ไหม
- ถ้าคู่แข่งมียอดคนติดตามหลักหมื่น และของคุณหลักพัน
แต่เวลาโพสต์คู่แข่งมีคนมาไลค์แค่หลักร้อย
ในขณะที่ของคุณมีคนมาไลค์หลักพันถือว่าของคุณดีกว่า…
เรากำลังจะบอกว่า…ยอดไลค์ไม่ได้มีผลต่อยอดขายถ้าคนติดตามไม่ได้มีส่วนร่วมหรือสนใจสั่งซื้อ
สิ่งสุดท้ายที่คุณไม่ควรนิ่งนอนใจ…หลายธุรกิจเคยขายดีและไม่เคยมีโปรโมชั่น จริงอยู่…นั่นมันเมื่อก่อน เมื่อคู่แข่งยังไม่เริ่มบุกตลาด หรือลูกค้าเปลี่ยนเพราะอยากลองสิ่งใหม่ๆบ้าง…ยังไงเราก็ต้องทันเกมส์….จุดนี้คุณต้องมาวัดตรงข้อต่อไป
4.คุณทำในสิ่งที่คู่แข่งคุณทำหรือไม่
เช่น แคมเปญ โปรโมชั่น การจัดอีเว้นท์ เป็นต้น ถ้าคุณไม่ได้ทำ
คุณต้องหาวิธีที่แตกต่างจากคู่แข่ง ห้ามไป copy เค้าเด็ดขาด มันดูไม่มืออาชีพ จริงไหม…
ซึ่งทั้ง 4 ข้อ คือในกรณีที่ยอดคุณตก แต่ยอดคู่แข่งไม่ตก แล้วถ้ายอดตกทั้งคู่ สิ่งที่คุณต้องพิจารณา คือ
1.อุตสาหกรรมกำลังจะเปลี่ยนไป คุณต้องปรับตัว
เช่น ยุคที่เปลี่ยนจากมือถือธรรมดาแบบปุ่มกดมาเป็นไอโฟน คนไม่ได้สนใจความทนทาน แต่คนสนใจแอปฟลิเคชั่นใหม่ๆที่ไอโฟนมี
คุณจึงควรปรับตัว หรือคุณต้องปรับรูปแบบธุรกิจ หรือแตกไลน์ธุรกิจออกไปจากเดิม
2.ถ้าอุตสาหกรรมไม่ได้เปลี่ยนไป เป็นไปได้ว่ามีสินค้าอื่นมาทดแทน…เช่น Uber และ Air bnb มาเขย่าวงการรถแท็กซี่ และ ที่พักโรงแรม
3.ถ้าไม่เข้าข่ายทั้ง 2 ข้อข้างต้น คุณต้องดูว่ามีคู่แข่งอื่นนอกเหนือจากนี้ไหมที่คุณไม่เคยรู้ เช่น พวก ตลาดมาเก็ตเพลส ที่แข่งกันทำราคา คุณอาจจะสู้ในเรื่องของราคาสินค้าที่ถูกมากๆไม่ไหว คุณจึงควรหาจุดเด่นของธุรกิจคุณในด้านอื่นมาสู้เช่น การบริการ หรือการให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าที่คุณขายเป็นต้น เปลี่ยนจากการขายแบบฮาร์ดเซลล์ เป็นการให้ความรู้แทน