Warning: "continue" targeting switch is equivalent to "break". Did you mean to use "continue 2"? in /home/mackoris/er/wp-content/plugins/revslider/includes/operations.class.php on line 2854

Warning: "continue" targeting switch is equivalent to "break". Did you mean to use "continue 2"? in /home/mackoris/er/wp-content/plugins/revslider/includes/operations.class.php on line 2858

Warning: "continue" targeting switch is equivalent to "break". Did you mean to use "continue 2"? in /home/mackoris/er/wp-content/plugins/revslider/includes/output.class.php on line 3708
เทคนิคการเลือก Theme เว็บไซต์หน้าร้าน 5 ประเภทธุรกิจ – VTAC E-Commerce

บน Platform E-Commerce การเลือกธีมและฟีเจอร์ให้เข้ากับสไตล์ธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะนอกจากจะแสดงถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์แล้ว

ทุกฟีเจอร์บนร้านต้องอำนวยความสะดวกให้กับผู้เยี่ยมชม และกลายมาเป็นลูกค้าของเราได้ในอนาคต 

แน่นอนว่า Shopify มีธีมให้เลือกมากกว่า 100 กว่าเทมเพลต แต่เรามีเทคนิคดีๆ ในการเลือก 1 ธีมที่เหมาะสมกับธุรกิจ และตอบสนองทุกความต้องการของผู้เยี่ยมชม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก เน้นหน้าร้าน ขายสินค้ากับต่างชาติ หรือชอบแบบมินิมอล จะเลือกยังไงให้เหมาะ สิ่งไหนจำเป็นหรือไม่ ไปดูกันเลยค่ะ

มาเริ่มกันที่เทคนิคแรก สำหรับธุรกิจที่มีสินค้าจำนวนมาก (Large Catalogs) บนเว็บไซต์ควรเลือกใช้ ธีมและฟีเจอร์ ที่มีพื้นที่ใหญ่และเยอะ ที่จะรองรับสินค้าทั้งหมด เลือกฟีเจอร์ที่รองรับหมวดหมู่ของสินค้า (การแยกประเภทของ Catalogs) ให้ชัดเจน และสุดท้ายคือระบบ Breadcrumbs Navigation ซึ่งจะแสดงประวัติการเดินทางบนร้านค้าของเรา เพราะด้วยขนาด Catalogs ที่ใหญ่ การที่จะกลับมาที่หมวดแค็ตตาล็อกโดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรก จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้เยี่ยมชมเป็นอย่างมาก

ลิงก์ : https://themes.shopify.com/collections/large-inventory

ธุรกิจที่มีสินค้าในระดับปานกลาง – น้อย (Small Catalogs) เว็บไซต์ของธุรกิจประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการวางสินค้ามากเท่าแบบ Large และเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมเข้าใจสินค้าได้อย่างง่าย ควรใช้การเล่าเรื่องแบบเข้าใจง่าย ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออก เก็บไว้แค่สิ่งที่จำเป็นต้องทราบเท่านั้น เช่น สี ไซส์ แบบ วัสดุ และอื่นๆ

ลิงก์ : https://themes.shopify.com/collections/small-inventory

ธุรกิจที่มีที่ตั้งหน้าร้าน (Sell-in-Person) สำหรับธุรกิจประเภทนี้อาจจะใช้เว็บไซต์เป็นพื้นที่โปรโมทสินค้าและอีเวนต์กิจกรรมต่างๆ เน้นการ Walk in เข้ามาที่ร้านโดยตรงสำหรับคนในพื้นที่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่จำเป็นต้องมีคือ สินค้าที่ต้องสต็อกไว้พร้อมขาย แผนที่แสดงโลเคชั่นของร้านค้าและเส้นทางการเดินทางแบบชัดเจน และไม่ลืมที่จะใส่รายละเอียดการติดต่อกรณีลูกค้าโทรเข้ามาถามเกี่ยวกับโปรโมชั่นหรือที่ตั้งร้าน

ลิงก์ : https://themes.shopify.com/collections/selling-in-person

สายงานต่างประเทศ (Selling International) ธุรกิจประเภทนี้มีการขายให้กับต่างชาติ แบบ Worldwide เพราะฉะนั้น ปลั๊กอินเกี่ยวกับประเทศและภาษาจำเป็นมาก หากเป็นไปได้ ฟีเจอร์ที่ควรจะมีคือ การเลือกประเทศ การเปลี่ยนภาษาสำหรับประเทศนั้นๆ ยิ่งเว็บไซต์จัดทำเพื่อรองรับประเทศนั้นโดยเฉพาะจะแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและเป้าหมายของลูกค้าชาวต่างชาติได้ หรือไม่ ปลั๊กอินการแปลภาษา ถึงแม้อาจจะมีข้อผิดเพี้ยน AI แปลภาษาอาจจะช่วยผ่อนภาระให้ลูกค้าได้ตัดสินใจซื้อบ้าง

ลิงก์ : https://themes.shopify.com/collections/selling-internationally

หัวใจมินิมอล (Minimal Style) หมวดนี้เป็นหมวดรสนิยมของบริษัทหรือผู้สร้างเว็บ ซึ่ง Shopify มีธีมแบบมินิมอลรองรับทุกประเภทธุรกิจไม่ว่าจะเป็น ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ เน้นขายทั่วโลก หรือ เน้นการเดินเข้าร้าน ขึ้นอยู่กับฟีเจอร์ที่ใส่ลงไปเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าตามแบบคำแนะนำทั้ง 4 แบบที่กล่าวมาข้างต้นค่ะ

ลิงก์ : https://themes.shopify.com/collections/minimalist

ทั้งหมดเป็นเกร็ดความรู้เล็กน้อยสำหรับนำไปเป็นข้อมูลประกอบการเลือก Theme เว็บไซต์ให้เข้ากับธุรกิจ หากใครมีเข้าสงสัย สามารถ Inbox เข้ามาถามได้เลยค่ะ

Related Posts

Leave a Reply