Warning: "continue" targeting switch is equivalent to "break". Did you mean to use "continue 2"? in /home/mackoris/er/wp-content/plugins/revslider/includes/operations.class.php on line 2854

Warning: "continue" targeting switch is equivalent to "break". Did you mean to use "continue 2"? in /home/mackoris/er/wp-content/plugins/revslider/includes/operations.class.php on line 2858

Warning: "continue" targeting switch is equivalent to "break". Did you mean to use "continue 2"? in /home/mackoris/er/wp-content/plugins/revslider/includes/output.class.php on line 3708
7 เทคนิคพิเศษสำหรับทำ SEO บน Sale Page – VTAC E-Commerce
7-เทคนิคสำหรับ-SEO-บน-Sale-Page

7 เทคนิคพิเศษสำหรับทำ SEO บน Sale Page

SEO คือ Search Engine Optimization เป็นวิธีการทางด้านการตลาดอีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจ การทำ SEO จะทำให้เว็บไซต์ที่ขายสินค้าหรือการบริการของเราติดหน้าแรกของ Google หรือขึ้นในหน้าแรกของ Google นั่นเอง โดยจะต้องกำหนดคำหรือ Keyword ที่กำหนดไว้ โดยไม่ต้องซื้อโฆษณา Google Ads

การทำ SEO นั้นมีองค์ประกอบหลายอย่างด้วยกัน ทั้งการใช้ Content และการทำ Backlink ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการทำให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นมาอันดับแรกๆ ได้แบบ Organic และเป็นอีกหนึ่งช่องทางการตลาดที่ต้องอาศัยทั้งระยะเวลาและผลงานที่มีคุณภาพ แต่แลกมากับผลลัพธ์ที่คุ้มค่าโดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเลย

Sale Page หรือ Landing Page เราสร้างมันขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้ในการซื้อโฆษณาและช่วยในเรื่องของการปิดการขาย ต่อไปเรามาดูกันดีกว่าว่าการที่ Sale Page ของเราจะติด SEO ได้นั้นต้องทำอย่างไร หากคุณต้องการสร้าง Sale Page ดีๆ ที่เหมาะสมสำหรับการทำอันดับนั้น เราได้สรุป 7 ข้อที่สำคัญในการทำ SEO บท Sale Page มาไว้ที่นี้แล้ว

1. หา Keyword แม่นๆ สำหรับการค้นหา 

Keyword คือ คำที่ผู้คนอยากรู้คำตอบ คำที่สะท้อนปัญหา ความต้องการของคนๆ นั้น แล้วนำไปค้นหาคำตอบบน Google หากเราเลือกคำ Keyword ได้แม่นยำ โอกาสที่ผู้คนจะค้นหาเว็บเราเจอก็มีเพิ่มตามไปด้วย ซึ่งโอกาสที่จะขายของก็มีมากขึ้นตามไปนั้นเอง

7-เทคนิคสำหรับ-SEO-บน-Sale-Page

2. URL

URL ของ Sale Page ควรประกอบด้วย Keyword ซึ่งอธิบายรายละเอียดของหน้า Sale Page ได้อย่างชัดเจน เหตุผลที่ต้องทำอย่างนี้คือเมื่อ Google Bot เก็บข้อมูลของเว็บไซต์เรานั้นมันจะได้จัดหมวดหมู่ของเนื้อหาได้อย่างถูกต้อง เช่น Salepage.vtacecommerce.com/การตลาดออนไลน์

3. Title Tag

Title Tag หรือชื่อของหน้า Sale Page หรือชื่อเรื่อง เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าจะได้เห็นและอ่านมัน Title Tag ที่ดีจึงควรมี Keyword ประกอบ มีความกระทัดรัด อ่านแล้วเข้าใจได้เลยในทันที และไม่ควรที่จะยาวจนเกินไปเพราะอาจทำให้ Google มองว่ามันคือ Spam ได้

เหตุผลหลักที่เราต้องคำนึงถึงสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเนื่องจากว่า Google Search ให้ความสนใจกับ Title Tag เป็นอันดับต้นๆ และเป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในการดึงดูดลูกค้า

4. Content

Content หรือเนื้อหาของ Sale Page ต้องประกอบด้วยคำ Keyword และอย่าใส่ Keyword จนมากเกินไป เนื่องจากหาก Google Bot มันอาจจะมองว่าเราเป็นสแปมนั้นเอง การเขียนคอนเทนต์จะต้องมีการแบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนๆ โดยเรียงลำดับความสำคัญเป็นข้อๆ ให้ชัดเจน อีกทั้งส่วนประกอบทั้งหมดจะต้องมีขนาดข้อความที่แตกต่างกันโดยใช้ Tag HTML H1, H2, H3, H4, H5, H6 

5. Meta Description

Meta Description คือรายละเอียดย่อยหรือคำโปรยที่อยู่ใต้ Title Tag ซึ่งเราจะต้องแทรก Keyword ไปด้วย และการเขียน Meta Description ไม่ควรเกิน 160 ตัวอักษร หรืออาจจะใช้ Call to Action เพื่อกระตุ้นการคลิกเข้าเว็บของลูกค้า

6. Picture

รูปภาพเป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญ คือเราต้องมีการตั้งชื่อรูปภาพ และคำอธิบายภาพโดยมี Keyword อยู่ในชื่อของภาพด้วย อีกทั้งรูปภาพที่เราถ่ายใหม่หรือเป็นรูปภาพใหม่ที่เราถ่ายเองจะส่งผลกับ SEO ที่เราทำมากกว่าภาพที่เราดาวน์โหลดมาจากอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างการตั้งชื่อภาพ เช่น digitalmarketing-and-seo.jpg

7-เทคนิคสำหรับ-SEO-บน-Sale-Page

7. Blacklink

การเชื่อมต่อลิงก์จากเว็บอื่นกลับมาที่ Sale Page ของเราส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญมากเนื่องจาก Google มองว่าเนื้อหาของเรามีคนนำไปอ้างอิงทำให้ดูน่าเชื่อถือ
สรุปคือ เราควรเลือกคีย์เวิร์ดที่มีคนนิยม มีการค้นหามากที่สุด เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสให้คนให้หาเว็บเร

ที่มาจาก : Moveon Marketing และ  BLOG MKT

ติดตามข่าวสารจากเราได้ที่ Facebook: VTACecommerce Website:www.vtacecommerce.com 

Line OA: @vtacecommerce

Related Posts

Leave a Reply